Friday, 25 November 2016

แนะนำวิธีใช้ App Tripview เพื่อขึ้นรถเมล์

สอนวิธีโหลด App และวิธีการดูตาราง รถเมล์

มาถึง Sydney แล้วได้งานร้านนอกเมือง  ทำอย่างไงดี ต้องขึ้นรถเมล์ไปเอง???
กลัวหลง กลัวขึ้นรถผิดสาย กลัวลงรถเมล์ผิดป้าย กลัวพูดภาษาอังกฤษกับคนขับรถเมล์ไม่รู้เรื่อง!!!

แนะนำให้โหลด App TripView เพราะจะเป็น Appที่บอกว่ารถเมล์ รถไฟ เรือ ต้องขึ้นที่ไหน ลงป้ายไหน 
และมากี่โมง โดยปรกติ รถไฟ และเรือ จะตรงเวลาที่สุด รถเมล์ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา อาจจะมีมาช้า ถ้ารถติด ช่วงไปทำงาน ช่วงหลังเลิกงาน 


หน้าตา ของ App TripView จะโหลดตัวที่ 1,2 โหลดฟรี 



โหลดแล้วจะได้หน้าตาแบบนี้ 





เลือกเส้นทาง Sydney หรือ Melbourne 

เลือก Sydney 





หน้าหลักขอ App TripViwe 





รีวิว เดินทางโดยรถประจำทาง (รถเมล์)

By Route เส้นทาง 
By Suburb เขต หรืออำเภอ 
By Stop ป้ายที่จะลง 






ป้ายรถเมล์ที่จะขึ้น 





ป้ายรถเมล์ที่จะลง 





อันนี้เลือก จาก Miler St.
ถึง Strathallen AV.





เวลาตารางรถเมล์ที่จะมา
สามารถดูตารางตอนกลับได้
 โดยเลือกกลับไป ป้ายรถเมล์ จะไม่เหมือนที่ไทย ว่าลงป้ายไหน แล้วจะตอนกลับไม่ใช่ขึ้นฝั่งข้ามเสมอไป
และที่สำคัญตารางรถเมล์หรือป้ายที่ขึ้น ถ้าเป็นวันเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ จะไม่ใช่
เวลาเดิมหรือป้ายเดิม





สามารถเลือกดู By Map 
ตั้งแต่ป้ายรถเมล์ที่เราขึ้นจนถึงปลายทาง จุดสีแดงคือป้ายรถเมล์



































Wednesday, 23 November 2016

แนะนำบริษัทโอนเงินจาก ออส-ไทย,ไทย-ออส

บริษัท โอนเงินกลับไทย โอนวันนี้ได้วันนี้ มีที่ไหนบ้าง???
น้องๆที่เพิ่งมาจากไทย และอยากโอนเงินกลับบ้านที่ไทย

ที่ซิดนีย์มีบริษัทรับโอนเงิน ทั้งไทยและออสเตรเลีย เรทดีกว่าธนาคาร และเงินถึงเร็วกว่า
โดยเจ้าของคนไทย มี 4 บริษัทที่แนะนำ
🔷X-Wing
https://www.facebook.com/xwingptyltd/

🔷CT Money
https://www.facebook.com/CTmoneyTransfer/

🔷OWN Money
https://www.facebook.com/ownservices/

🔷PTMT Money
https://www.facebook.com/ptmoneycity/


สามารถโอนเงิน จากไทย-ออสเตรเลีย , จากออสเตรเลีย-ไทย

ง่ายๆ เรทดี ถึงไทยอย่างรวดเร็ว มั่นใจได้

คำเตือน ทุกครั้งที่โอนเงิน ดูใบเสร็จ ว่าเลขที่โอนเงิน ชื่อนามสกุล เบอร์โทรศัพท์
และตรวจนับเงินทุกครั้ง เพื่อป้องกันการผิดพลาดคะ


Thursday, 17 November 2016

วิธีการกรอกใบ ตม. บัตรขาออกและบัตรขาเข้า

วิธีการกรอกใบ ตม. บัตรขาออก Departure Card บัตรขาเข้า Arrival Card ประเทศไทย Thai Immigration Bureau


หลังจากเช็คอินที่ Counter ของสายการบิน และ โหลดกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ Counter สายการบินจะแจก ใบๆหนึ่ง แนบมาพร้อม Passport, Boarding Card นั่นคือ ใบที่เราเรียกๆกันว่าใบ ตม หรืออีกอย่างเรียกว่าใบขาออกนอกประเทศ (Departure Card)
ใบนี้มีความสำคัญคือท่านต้องยื่นต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจเข้าเมือง ก่อนเดินทางออกนอกประเทศไทย
การเตรียมเอกสารที่จะต้องกรอกคือ

ใบกรอกคนเข้าเมือง จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ส่วน

1.บัตรขาออก Departure card สำหรับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองงเก็บไว้ตอนเราบินไปต่างประเทศ
2.บัตรขาเข้า Arrival card สำหรับให้เจ้าหน้าที่เมื่อเรากลับมาถึงประเทศไทยแล้ว
3.เฉพาะชาวต่างประเทศ For non-thai resident only

ย้ำ!!!!!!  ข้อมูลทั้งหมด ให้กรอรกเป็นภาษาอังกฤษ ตัวพิมพ์ใหญ่ 



 


ความหมายของคำต่างๆ

Family name = นามสกุล อ่านดีๆ อย่าเขียนชื่อจริงก่อน

Fist name and Middle name =ชื่อจริง และชื่อ รองถ้ามี

Date of Birt =วัน เดือน ปีเกิด (ค.ศ.)

Nationality =สัญชาติ ยกตัวอย่าง Thai (ถ้า THAILAND นี่คือชื่อประเทศ)

Passport No =เลขที่หนังสือเดินทาง อยู่หน้าแรกมุมขวา จะมีภาษาอังกฤษขึ้นต้นก่อน




Male = เพศชายให้กากบาท
Female =เพศหญิง
Signature =ลายเซ็น ให้เซ็นตรงตามพาสปอร์ต
Flight or Other Vehicle No. =หมายเลขเที่ยวบิน ให้ดูจากตั๋วเดินทางของสายการบิน Boarding Pass ตรงช่อง Flight หรือ Flight Number 











For Official Use = สำหรับเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องกรอกครับ












บัตรขาเข้า  A rrival card ให้เราพกติดตัวไปพร้อมกับพาสปอร์ตด้วยVisa No = ตรวจลงตราเลขที่ หรือหมายเลขวีซ่า ใส่สำหรับบางประเทศที่ต้องขอวีซ่า ถ้าไม่มีให้ข้ามไปเลย หมายเลขวีซ่า อยู่แล้ว่ตรงช่อง Control Number หรือ Visa Number 

Address = ที่อยู่ ที่บ้านของเราที่ประเทศไทย

ตัวอย่างการเขียนที่อยู่เป็นภาษาอังกฤษ


ภาษาไทย
123 หมู่ที่ 4 ซอยพหลโยธิน 24 ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพ 10900

ภาษาอังกฤษ
123 No.4 Phahonyothin 24 Soi,Phahonyothin Road,Chompon Sub-area,Chatuchak Area,
Bangkok, 10900










Friday, 11 November 2016

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ของตั๋วเครื่องบิน และในสนามบิน


Itinerary = แผนการเดินทาง หรือ รายละเอียดในตั๋ว
Air Ticket = ตั๋วเครื่องบิน
Electronic Ticket Receipt = ใบเสร็จรับเงินของการซื้อตั๋วในรูปแบบอีเมล์ สามารถ Print เองได้เลย
Booking Reference = คือ รหัสในการจองตั๋วเครื่องบิน เป็นตัวเลขผสมตัวหนังสือ 6 หลัก เช่น Y8LBPA
Flight = เที่ยวบิน เช่น TG 431
Departure = วันเวลาที่เดินทางออกจากต้นทาง
Arrival = วันเวลาที่เดินทางไปถึงยังปลายทาง หลาย ๆ เที่ยวบินบินข้ามทวีป บินกันข้ามวันข้ามคืน
Baggage Allowance = จำนวนกระเป๋าเดินทาง ที่ท่านมีสิทธิ์นำไปโหลดขึ้นเครื่อง
Meal = มื้ออาหารที่จะเสิร์ฟในระหว่างการบิน
Operated By = ใช้สายการบินอะไรในการเดินทาง เนื่องจากบางทีมีการแชร์โค้ดกัน จองสายการบินนึง แต่ต้องขึ้นเครื่องบินของอีกสายการบินนึง
Equipment = รุ่นของเครื่องบิน
E-Ticket = เลขที่ตั๋ว 13 หลัก เช่น ETKT 217 2310388723 ท่านจะได้รับหลังจากชำระเงินออกตั๋ว เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Check in = การแสดงตัวพร้อม Passport หน้า Counter ของสายการบิน หรือ ปัจจุบันมีการ Check in ภายใน24-1ชั่วโมง ก่อนเดินทางได้จากทาง Website ของแอร์ไลน์เราสามารถเลือกที่นั่งจากหน้าเว็บได้เอง ไปถึงสนามบินเช็คอินกระเป๋าที่เคาน์เตอร์ของสายการบินนั้น
ซึ่งมันจะแยกคิวเช็คอินสำหรับออกบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง ทำให้คิวเช็คอินกระเป๋าเร็วขึ้น
Boarding Pass = หลังจากเช็คอินท่านจะได้รับ เอกสาร ที่เรียกว่า Boarding Pass ซึ่งเป็นเอกสารอนุญาตให้ท่านขึ้นเครื่อง ในนั้นจะแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับ ประตูขึ้นเครื่อง ที่นั่งในเครื่องบิน เวลาที่จะต้องไปถึง Gate (ประตูที่จะต้องไปขึ้นเครื่อง)
ยกตัวอย่าง Gate  F 1A ประตูขึ้นเครื่อง F เลขที่ ประตู 1A

ข้อแนะนำ ควรมาถึงสนามบินก่อน 2-3 ชั่วโมง เพราะบ้างคนอาจจะเสียเวลากับการจัดกระเป๋า ในกรณีที่น้ำหนักกระเป๋าเกิน อย่าลืมเอาพาสปอต สำหรับวีซ่านักเรียนและวีซ่าท่องเที่ยว อย่าลืมเอาเอกสารตัววีซ่าและCoe ติดตัวไปด้วยคะ


ลิงค์สายการบินไทยเช็คอินออนไลน์กระเป๋า
http://www.thaiairways.com/th_TH/Manage_My_Booking/My_Booking_tab_2.page

Wednesday, 9 November 2016

ช๊อปปิ้งของมือ2 ราคาถูกที่ออสเตรเลีย


ร้านขายของมือ2 ที่ได้จากการบริจาค

Vinnies เป็นหน่วยงานของทางราชการ ที่รับบริจากของเก่าใช้แล้วจากประชาชน แล้วคัดเลือกเอามาขายเป็นสินค้ามือสองราคาถูก ซึ่งถือเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง

ข้าวของที่นี่มีทั้งของดีแบนด์ดังไปถึงของไร้ชื่อเสียงไร้ราคา คนซื้อก็จะเป็นแบบตาดีได้ ตาร้ายเสีย

ฝรั่งไม่ได้ทำบุญแบบเราคนไทยพุทธ ที่นิยมเข้าวัดทำบุญ จนหลายๆ แห่ง ทั้งวัดทั้งสงฆ์ร่ำรวยกว่าชาวบ้านคนไปทำบุญซะอีก

แต่วิธีนี้เป็นหนึ่งในวิธีการทำบุญที่ไม่ได้ทำให้ผู้ใดผู้หนึ่งที่ได้รับบริจากร่ำรวยทั้งเงินทองจนสร้างสมอิทธิพลไม่จบไม่สิ้น

Vinnies มีอยู่ทั่วประเทศออสเตรเลีย























Tuesday, 8 November 2016

📣📣📣แชร์ประสบการณ์ตรง📣📣📣
 โดยหลังจากที่ได้รับการอนุมัติวีซ่าแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องซื้อตั๋วเครื่องบิน (ไม่แนะนำให้ซื้อตั๋วก่อนได้วีซ่าเพราะอาจมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นก็เป็นได้) ซึ่งการเดินทางจากประเทศไทยไปประเทศออสเตรเลียนั้นใช้เวลาเดินทางเพียง 9 ชั่วโมงเท่านั้น (Bangkok-Sydney) และมีสายการบินมากมายที่บินตรงโดยไม่ต้องแวะเปลี่ยนเครื่องให้เสียเวลา
ตอนที่ซื้อตั๋วเครื่องบินต้องตรวจสอบกับสายการบินว่าสายการบินให้น้ำหนักกระเป๋าเท่าไหร่ เพราะถ้าน้ำหนักกระเป่าของท่านหนักเกินกว่าที่สายการบินให้ ท่านอาจต้องเสียค่าน้ำหนักเพิ่ม

🔴ยกตัวอย่างสายการบินไทยโหลดใต้เครื่อง30กิโลถือขึ้นเครื่อง7กิโล ห้ามพกอะไรที่เป็นเจลหรือน้ำขึ้นเครื่องไม่เกิน100มิล กระเป๋าเดินทางแนะนำขนาด28-30นิ้ว
และควรตรวจสอบเวลาการเดินทางให้แน่นอนเพราะท่านต้องไปถึงสนามบินก่อนเครื่องออกอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง เพราะถ้าไปช้ากว่านั้นอาจจะเกิดปัญหาในกรณีที่ต้องต่อคิวยาวเพื่อรอการเช็คอิน
หรือสามารถเช็คอินออนไลน์ได้ก่อนวันเดินทาง24ชม ทางเว็บไซต์ของสายการบิน

 🎒จัดกระเป๋าก่อนเดินทาง

เอกสารที่ต้องเตรียมไปมีดังต่อไปนี้
- หนังสือเดินทางเล่มจริง
- วีซ่าออสเตรเลีย
- ตั๋วเครื่องบิน
- เอกสาร COE (สำหรับวีซ่านักเรียน)
- ที่อยู่และเบอร์โทรที่พักในออสเตรเลีย (ต้องใช้กรอกแบบฟอร์มตอนเข้าประเทศออสเตรเลีย)
- เงินดอลล่าห์ออสเตรเลีย (ไม่เกิน $10,000)
- บัตรเอทีเอ็ม หรือบัตรเครดิต
- ดาวน์โหลดแผนที่เมืองที่จะไป (แนะนำ)

🎒การจัดของในกระเป๋า ควรคำนึงถึงฤดูกาลที่จะไป และควรนำของใช้เท่าที่จำเป็นไปเท่านั้น
-  เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย, ถุงเท้า, รองเท้า, กระเป๋า, ชุดชั้นใน
-  เสื้อผ้าหน้าหนาว(ช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม) อาทิ เสื้อกันหนาว, ถุงมือ, ถุงเท้า, หมวก, ผ้าพันคอ, กางเกงลองจอน
-  หัวปลั๊กไฟ (ที่ประเทศออสเตรเลียใช้กระแสไฟเท่ากับประเทศไทย แต่หัวปลั๊กจะเป็นแบบสามขา ซึ่งควรซื้อหัวปลั๊กเตรียมไปด้วย)
-  โทรศัพท์มือถือ (สำหรับเอาไปใส่ซิมการ์ดของออสเตรเลีย โดยสามารถใช้ได้ทุกแบบ)
-  ปากกา, สมุด, เครื่องเขียน และ Dictionary (สำหรับวีซ่านักเรียน)
-  ยาสามัญที่จำเป็น อาทิ ยาแก้ปวด ลดไข้ แก้แพ้ แก้ไอ ที่มีฉลากยากำกับเป็นภาษาอังกฤษชัดเจน หากมียาประจำตัวอื่นๆ ควรจะให้หมอออกใบรับรองแพทย์และใบกำกับยาให้ชัดเจนว่าเป็นยาประเภทไหนและเพื่อรักษาโรคอะไร

✈️สิ่งที่ต้องทำเมื่อถึงที่สนามบิน
-  ทำการเช็คอินที่ Counterของสายการบินที่ท่านซื้อตั๋วไว้ โดยแสดงตั๋วเครื่องบิน, พาสปอร์ต, หน้าวีซ่า และบัตรสะสมไมล์(ถ้ามี) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของสายการบินทำการออกตั๋วที่นั่งและโหลดกระเป๋า (หากน้ำ
หนักกระเป๋าเกิน ก็จะต้องเสียเงินค่าน้ำหนักเพิ่ม
ประมาณกิโลละ1,000บาท หรือต้องมาเปิดกระเป๋าเพื่อเอาของที่ไม่จำเป็นออก) ท่านที่ต้องการได้ที่นั่งติด
ทางเดินหรือนั่งติดหน้าต่างก็สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ของสายการบินว่าพอจะมีที่นั่งตามที่ท่านต้องการว่างอยู่บ้างหรือไม่

-  พอได้ตั๋วที่นั่งแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือต้องไปแสดงเอกสาร (ตั๋วที่นั่งและพาสปอร์ต)ให้แก่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ซึ่งอยู่ด้านในของสนามบิน (เข้าไปได้เฉพาะผู้ที่จะเดินทางเท่านั้น) ถ้าโชคร้ายไปเจอช่วงกรุ๊ปทัวร์เยอะๆ และอาจจะเจอคิวที่ยาวมาก จึงควรที่จะรีบเข้าไปแต่เนิ่นๆ

-  เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว ก็จะเจอร้านค้าปลอดภาษีมากมาย (Duty Free Shop) ท่านที่ต้องการซื้อสินค้าแนะนำว่าควรจะทำบัตรสมาชิกไว้ลดราคาค่าสินค้า แต่อย่าช้อปจนเพลินเพราะสนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินที่ใหญ่มาก ท่านอาจใช้เวลานานกว่าจะเดินไปถึงทางขึ้นเครื่องบิน

-  เมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่อง (Boarding Time) ก็แสดงตั๋วที่นั่งพร้อมกับพาสปอร์ตให้แก่เจ้าหน้าที่สายการบิน และเดินเข้าไปในเครื่องบินเพื่อนั่งที่นั่งตามตั๋วที่นั่งที่ได้จองไว้ แต่ถ้าเครื่องบินบินขึ้นแล้วและมีที่ว่างเราสามารถทำการย้ายที่นั่งได้คะ

🚫ขอให้ทุกท่านปฏิบัติตามเงื่อนไขของวีซ่าอย่างเคร่งครัดเพราะหากท่านทำผิดกฏของวีซ่าแล้ว ท่านอาจจะไม่มีโอกาสกลับเข้าประเทศออสเตรเลียอีกเลยก็เป็นได้

ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพทุกคนคะ🙏🏻🙏🏻
Nadia @aussie

รูปตัวอย่างใบขาเข้าประเทศออสเตรเลีย ฉบับภาษาไทย







รูปตัวอย่างปลั๊กไฟที่ต้องเอามาแปลงไฟที่ประเทศออสเตรเลีย





รีวิวการเดินทางโดยรถไฟจากสนามบินKingsford Sydney เข้าเมืองด้วยตัวเอง



🚂รีวิวการเดินทางโดยรถไฟจากสนามบินเข้าเมือง(City)  ง่ายๆ ด้วยตัว

เดินมาทางแมคโดนัล จะมีตารางรถไฟบอก
รถไฟอยู่ชั้นใต้ดิน ต้องลงไปข้างล่างคะ
ดูตาราง Platforms 1 ชานชาลาที่ต้องขึ้นรถไฟ
คือหมายเลข1

ยกตัวอย่าง อยากไปดูโอเปร่าเฮ้าส์
ให้ลงสถานี Circular Quay ใช้เวลาเดินทาง18นาที
ลงรถไฟมองเห็นโอเปร่าเฮาส์ ย่านเดอะร๊อค
ค่าโดยสาร $17.50 ต่อเที่ยวคะ
แล้วถ้าอยากแวะไทยทาวน์ ให้ลงสถานี Central
ออกประตูที่เขียนว่าPitt St. เพราะใกล้ไทยทาวน์ที่สุดคะ
ใช้เวลาเดินทางจากสนามบิน10นาที ค่าโดยสาร$17.50 ต่อเที่ยวคะ

การเดินทางที่ง่ายที่สุด คือนั่งรถไฟเข้าเมืองCity
ไม่แนะนำให้นั่งรถเมล์ เพราะป้ายรถเมล์ต้องเดินออกไปไกลและในเมืองปิดถนน ทำให้รถเมล์วิ่งเข้าไม่ได้
http://www.airportlink.com.au/directions/sydney-city












ธนาคารในออสเตรเลียมีอะไรบ้าง


ธนาคารในประเทศออสเตรเลีย
ธนาคารในประเทศออสเตรเลียมีหลายธนาคาร ให้คุณได้เลือกใช้ ควรเลือกที่สาขาใกล้ที่สุด
และมีหลายสาขาเพื่อสะดวกในการใช้งาน เพราะถ้าคุณถอนเงินโดยใช้บัตร ATM ต่างๆธนาคารคุณอาจจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการกดเงินจากบัตรATM

1. Commonwealth Bank (www.commbank.com.au)
2. St. George Bank (www.stgeorge.com.au)
3. ANZ Bank (www.anz.com)
4. National Bank (www.national.com.au)
5. Westpac Bank (www.westpac.com.au)

💶ธนาคารที่กล่าวมาเป็นธนาคารที่หาได้ทั่วไป อาจจะมีธนาคารมากกว่านี้ในรัฐอื่นๆ💶

เอกสารที่ใช้สำหรับเปิดบัญชีธนาคาร
1. หนังสือเดินทาง
2. จดหมายรับรองจากสถาบัน COE (Confirmation Of Enrolment)
3. เงินสดไม่ต่ำกว่า $50 ออสเตรเลียดอลลาร์ (บางธนาคารไม่จำเป็นต้องฝากเงินสดในครั้งแรกที่เปิดบัญชี

💳หลังจากเปิดบัญชีธนาคารแล้ว ทางธนาคารจะให้หมายเลขล๊อคอินไว้ใช้กับApp ของธนาคาร
แนะนำให้โหลดApp เพราะมันจะง่ายสำหรับการใช้งาน เพราะคุณสามารถทำธุรกรรมการเงินทางออนไลน์ได้ บัตรATM กับรหัสผ่าน (Pin number) ทางธนาคารจะส่งแยกมาให้ ตามที่อยู่ที่ผู้เปิดบัญชีระบุไว้ หรือสามารถมารับได้ที่ธนาคารสาขาที่เปิดบัญชี ประมาณ 7 วันทำการ
เงื่อนไขของธนาคาร ถ้าเป็นวีซ่านักเรียนจะไม่เสียค่าธรรมเนียม ใดๆทั้งนั้น ตลอดระยะเวลาตามหน้าบัตร ซึ่งจะอ้างอิงจาก ระยะเวลาวีซ่าที่เราได้รับ
แต่ถ้าเป็นวีซ่าติดตาม ต้องเสียค่าธรรมเนียมเดือนละ ประมาณ$5 ถ้าใครไม่อยากเสียค่าธรรมเนียมแนะนำให้ใช้วิธีหมุนเงินเข้าออก $2,000 ต่อเดือน

ส่วนใหญ่แล้วธนาคารที่นี่จะไม่มีสมุดบัญชีให้ แต่จะส่งเป็นรายการแจ้งรายละเอียดในการการฝากและถอนทุกๆครั้งมาให้เจ้าของบัญชีทุกๆ 3 เดือน

ทำไมต้องเปิดบัญชีธนาคารด้วย
แนะนำให้เปิดบัญชีนะคะ เพราะจะสะดวกสบายและปลอดภัยกว่าการพกเงินสดติดตัว
มีบัญชีธนาคารที่นี้สามารถใช้อ้างอิง เอาไว้ใช้เป็นหลักฐานทางการเงิน เพื่อยื่นวีซ่าครั้งต่อไป
เอาไว้ยื่นขอโทรศัพท์มือ แบบPlan ที่เป็นรายเดือนเหมาร่วมกับค่าเครื่องไว้แล้ว
เอาไว้ทำสัญญาเช่าบ้าน,สามารถใช้บัตรATM  ซื้อของแทนเงินสดได้

💈เพราะประเทศนี้ชอบใช้บัตร แค่ค่าจอดรถ$1.80 ยังใช้บัตรจ่าย💈

Nadia @aussie

ประกันสุขภาพในออสเตรเลียที่ควรรู้

บัตรประกันสุขภาพสำคัญขนาดไหน และจำเป็นต้องซื้อหรือมั้ย บริษัทประกันมีของอะไรบ้าง?

🔊ถ้าคุณนั้นถือวีซ่านักเรียน มันคือสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องมี การประกันสุขภาพนักเรียน (Overseas Student Health Cover หรือ OSHC ) หมายถึงคุณต้องมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุมตลอดระยะเวลาวีซ่าที่ได้รับในประเทศออสเตรเลีย
🔉ถ้าคุณสมัครมาแบบวีซ่านักเรียน + วีซ่าติดตาม วีซ่าคู่หมั้น วีซ่าแต่งงาน  จะบังคับให้ต้องซื้อประกันสุขภาพก่อนยื่นวีซ่า
➕ส่วนวีซ่าท่องเที่ยวสามารถซื้อเป็นรายอาทิตย์ได้➕

📢บริษัทประกันสุขภาพนั้นต้องเป็นบริษัทของประเทศออสเตรเลีย ที่สถานฑูตกำหนดไว้ ได้แก่
1) Australian Health Management(AHM)
www.ahmoshc.com.au
2) BUPA
www.bupa.com.au
3) Medibank Private
www.medibank.com.au
4) Allianz
www.allianz.com.au
5) NIB OSHC
www.nib.com.au

ส่วนมากผู้ถือบัตรประกันสุขภาพจะไม่ค่อยสนใจว่าตัวเองว่าครอบคลุมอะไรบ้าง เกือบทั้งหมดโดยเฉพาะวีซ่านักเรียนที่ไม่ให้ความใส่ใจกับประกันสุขภาพที่ตัวมี

โดยเฉลี่ยค่าใช้จ่ายประกันสุขภาพขั้นต่ำ ต่อปี ประมาณ $438
สำหรับคนเดียว แต่คุณสามารถซื้อประกันสุขภาพเพิ่มเติมได้

✴️การซื้อประกันสามารถซื้อได้ด้วยตัวเองที่เว็บไซต์ หรือซื้อผ่านตัวแทนจากบริษัทประกัน✴️

เวปไซด์ของรัฐ ที่ช่วยในการอธิบาย เกี่ยวกับ การประกันสุขภาพนักเรียน
 ( OSHC)
http://www.health.gov.au/internet/main/Publishing.nsf/Content/Overseas+Student+Health+Cover+FAQ-1#insurersofferoshc

ทำความเข้าใจกับประกันสุขภาพที่คุณมี ว่าสามารถรักษาที่โรงพยาบาลไหนได้บ้าง
โดยที่คุณไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายในการรักษาไปก่อน จะได้ใช้สิทธ์ที่ตัวเองมีจากประกันสุขภาพ


📛ในสถานการณ์ฉุกเฉิน โทรไปที่เบอร์ เลขศูนย์สามครั้ง (000)  , โอเปอร์เรเตอร์ จะถามว่า บริการอะไรที่คุณต้องการ รถพยาบาล, รถดับเพลิง,หรือ ตำรวจ ( Ambulance, Fire brigade หรือ Police ) เมื่อคุณบอกเขา  พวกเขาจะติดต่อกับบริการนั้นตามที่คุณขอ


บัตรประกันสุขภาพ ควรติดตัวไว้ตลอด ดูแลสุขภาพกันให้ดีๆ คะ

Nadia@aussie